ประเภทของเมนบอร์ดแบ่งตามรุ่นของซีพียู
กรประกอบคอมพิวเตอร์สามารถทำได้หลายๆ แบบทั้ง 386 486 Pentium ฯลฯ เพราะฉะนั้นการทำความรู้จักเมนบอร์ดแบบต่างๆ แยกตามรุ่นจึงค่อนข้างสำคัญ ซึ่งจะเริ่มต้นกันตั้งแต่เมนบอร์ดรุ่น 386 ถึง Pentium IV ส่วนเมนบอร์ดรุ่นอื่นๆ ก่อนหน้านั้น เช่น 8086 หรือ 8286 ไม่นิยมใช้งานแล้วในปัจจุบันเพราะว่าหาอุปกรณ์และชิ้นส่วนยาก
เมนบอร์ดแบบ 386
เมนบอร์ดแบบ 386 จะเป็น AT สำหรับเมนบอร์ดประเภทนี้เป็นเมนบอร์ดที่เก่าแล้ว เริ่มใช้ตั้งแต่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ 386 ประสิทธิภาพการใช้งาน สามารถใช้เล่นคาราโอเกะ NCN ได้ ต้องเลือกอย่างน้อยประมาณรุ่น 386 DX1-40 ถ้าต่ำกว่านี้ ไม่สามารถใช้งานได้ ส่วนโปรแกรมต่างๆ ยังสามารถใช้งานได้เป็นบางตัว เช่น เกมส์การศึกษาของเด็กๆ โปรแกรมบน DOS
เมนบอร์ดรุ่น 386
ลักษณะทั่วไป
1.ตำแหน่งสำหรับติดตั้งซีพียูบางรุ่นอาจจะบัดกรีซีพียูติดเข้ากับเมนบอร์ดหรืออาจเสียบลงไปการถอดจะยากพอสมควร ต้องใช้อุปกรณ์ดึงชิพโดยเฉพาะส่วนใหญ่จะมีซีพียูติดอยู่กับเมนบอร์ดอยู่แล้ว การประกอบยิ่งง่ายเขข้าไปใหญ่ เพียงแต่เสียบการ์ดจอการ์ดคอมโทรลเลอร์ของฮาร์ดดิสก์และฟล็อปปี้ดิสก์ต่อสายไฟจากพาวเวอร์ซัพพลายเข้าเมนบอร์ด ติดตั้งแรมก็เป็นอันใช้ได้
2.ISA (ไอซ่า) สล็อต สำหรับเมนบอร์ดรุ่นนี้มีเพียง ISA Slot สำหรับเสียบการ์ดแบบ ISA เท่านั้น
3.ซ็อกเก็ตสำหรับติดตั้งแรมแบบ 30 Pin ซึ่งเป็นแรมรุ่นเก่าสำหรับ 386 และ 486 รุ่นต้นๆ
4.ตำแหน่งสำหรับต่อไฟจากพาวเวอร์ซัพพลายเป็นแบบ AT
5.รูสำหรับติดน็อตและหมุนพลาสติกยึดเมนบอร์ดเข้ากับเคส
6.ตำแหน่งไว้สำหรับต่อสายลำโพง (Speaker) สายไฟปุ่มรีเซ็ต (Reset) สายไฟแสดงการทำงานของฮาร์ดดิสก์ (Hdd Led) เมนบอร์ดรุ่นเก่า386-486 มีตัวเลือกสำหรับต่อสายสัญญาณอื่นๆ อีก เช่น Turbo Switch เพื่อปรับความเร็วในการทำงานของซีพียู Key Lock ล็อกคีย์บอร์ดไม่ให้ใครมาแอบใช้เครื่องของเรา แต่สายเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องต่อเลยก็ได้ อาจต่อแค่สาย Speaker และ Reset ก็เพียงพอแล้ว
เมนบอร์ดแบบ 486
จากตัวอย่างเป็นเมนบอร์ด 486DX4-100 ยังได้ว่าเป็นรุ่นที่ยังน่าเล่นอยู่ ไว้ใช้พิมพ์งาน ไว้ใช้อินเตอร์เน็ตได้ ส่วนโปรแกรมยังมีโปรแกรมสำหรับเครื่องในระดับนี้ให้เลือกใช้อยู่ค่อนข้างมาก เป็นเมนบอร์ดที่เริ่มมีการนำตัวคอนโทรลเลอร์มาติดเข้ากับเมนบอร์ดและได้กลายเป็นมาตรฐานเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
เมนบอร์ดรุ่น 486
ลักษณะทั่วไป
1.ซีพียูเป็นแบบ Socket ตำแหน่งสำหรับติดตั้งซีพียูสะดวกกว่าเดิมไม่ต้องใช้ตัวดึงชิพเหมือน 386 และ 486 รุ่นต้นๆ เพียงแต่ยกก้านล็อคซีพียูให้ตั้งฉากกับเมนบอร์ด ก็สามารถเปลี่ยนซีพียูได้อย่างง่ายดาย
2.Socket สำหรับติดตั้งแรม เมนบอร์ดบางรุ่นจะมีให้เลือกว่าจะติดตั้งแรมแบบ 30 Pin หรือ 72 Pin ซึ่งเป็นแรมใหม่ที่มีความเร็วกว่า
3.สล็อตสำหรับการ์ดต่างๆ ในเมนบอร์ดรุ่นนี้บางบอร์ด (รุ่นประมาณ 486FX2) นอกจากสล็อตแบบ ISA Slot แล้วก็อาจจะมีสล็อตแบบ VL ซึ่งจะมีความเร็วสูงกว่าแบบ ISA แต่บอร์ดบางรุ่น เช่น รุ่น 486DX4 จะมีสล็อตแบบ PCI ด้วย เพราะความเร็วสูงขึ้น จึงต้องการบัสหรือทางเดินข้อมูลที่กว้างขึ้น
4.ตำแหน่งสำหรับต่อไฟจากพาวเวอร์ซัพพลาย ซึ่งเป็นแบบ AT
5.มีรูสำหรับติดน็อตและหมุนพลาสติกเมนบอร์ดเข้ากับเคส
6.ตำแหน่งไว้สำหรับต่อลำโพง (Speaker) สายไฟปุ่มรีเซ็ต (Reset) สายไฟแสดงการทำงานของฮาร์ดดิสก์ (Hdd Led) เมนบอร์ดรุ่นเก่า 386-486 จะมีตัวเลือกสำหรับต่อสัญญาณอื่นๆ อีก เช่น Turbo Switch เพื่อปรับความเร็วในการทำงานของซีพียู Key Lock ล็อคคีย์บอร์ดไม่ให้ใครใช้เครื่องเราได้ แต่สายเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องต่อเลยก็ได้ อาจต่อแค่สาย Speaker และ Reset ก็เพียงพอแล้ว
7.คอนโทรลเลอร์ควบคุมการทำงานของฮาร์ดดิสก์ ซีดีรอมไดร์ฟและฟล็อปปี้ดิสก์ไดร์ฟ จะถูกออบแบบให้เป็นส่วนหนึ่งของเมนบอร์ด
8.มีแบตเตอรี่จ่ายไฟให้เมนบอร์ด
เมนบอร์ดเพนเทียม (Pentium)
เมนบอร์ดแบบนี้อาจเรียกอีกหนึ่งชื่อว่า เมนบอร์ด Socket 7 สำหรับซีพียูอินเทลเพนเทียม 75 233 MHz ซีพียู AMD K5, K6, K6-II, K6-IIIซีพียู Cyrix/IBM 6x86 6x86MX และช่วงปลายๆ รุ่นนี้ก็ได้มีการสร้างเมนบอร์ดแบบ ATX ขึ้นมาเมนบอร์ดรุ่นนี้มีให้เลือกค่อนข้างหลากหลายมาก เช่น เมนบอร์ดรองรับซีพียูตั้งแต่รุ่น Pentium 75-233 ในส่วนแรมได้มีการพัฒนาแรมแบบ EDO ขึ้นมาแทนที่ SIMM RAM หรือแรมธรรมดาที่ใช้ๆ กันอยู่ในเครื่อง 486DX4-100 และ Pentium รุ่นต้นๆ เพราะจะมีความเร็วสูงกว่าพอสมควร ส่วนในเมนบอร์ด Pentium รุ่นหลังๆ ก็ได้มีการพัฒนาขึ้นไปอีก โดยออกแบบให้สามารถติดตั้งแรมแบบ SDRAM ได้อีกด้วย แต่ก็ต้องเลือกแบบใดแบบหนึ่งไม่สามารถติดตั้งผสมผสานกันได้ การทำงานแบบนี้ทำงานได้เร็วกว่าแบบ EDO และ Simm Ram ซึ่งได้มีการออกแบบซ็อกเก็ตสำหรับแรมแบบนี้ในเมนบอร์ดรุ่น VX นอกจากนี้บอร์ดบางรุ่นก็ได้มีการเพิ่มการ์ดเสียง การ์ดจอเข้ากับเมนบอร์ด การติดตั้งก็ยิ่งง่ายขึ้นไปอีก เพียงแต่ติดตั้งแรมและซีพียูลงไปก็ใช้งานได้เลย ลดความยุ่งยากไปมากถือว่าเป็นรุ่นที่ยังน่าเล่น เลือกความเร็วเพนเทียม 166 ขึ้นไป แรม 32 และ 64 ก็ใช้งาน Windows 98, Ms office97 หรือ 2000 ใช้อินเทอร์เน็ตได้สบาย หรือเลือกซีพียูของค่ายอื่นๆ ก็มีตัวเลือกให้มากพอสมควรเหมือนกัน เช่น Cyrix 6x86MII-300/333, AMD, K6, K6-II, K6-IIIเป็นต้น
หมายเหตุ
สำหรับซีพียูของ AMD K6-III จะต้องใช้กับเมนบอร์ดแบบซูเปอร์ 7 หรือเมนบอร์ดที่ใช้ Socket 7 ในการติดตั้งซีพียู แต่สนับสนุนระบบบัส(FSB) ที่ 100 MHz หรือสูงกว่า สนับสนุนบัสสล็อตแบบ AGP และใช้กับหน่วยความจำแบบ SDRAM Bus 100 ได้
ลักษณะทั่วไป
1.ซีพียูซ็อกเก็ต 7 (Socket 7) สำหรับติดตั้งซีพียู โดยยกก้านล็อคซีพียูให้ตั้งฉากกับเมนบอร์ดก็สามารถถอดเปลี่ยนซีพียูได้อย่างง่ายดาย
2.ซ็อกเก็ตสำหรับติดตั้งแรม บางบอร์ดจะมีให้เลือกว่าจะติดตั้งแรมแบบ 72 Pin (อาจเป็น EDO หรือ SIMM แรม) หรือแรมแบบ 168 Pin (SDRAM) ซึ่งเป็นแรมใหม่ที่มีความเร็วมากกว่าแบบ EDO และ SIMM
3.สล็อต สำหรับเมนบอร์ดรุ่นนี้บางบอร์ด (รุ่นปลายๆ) นอกจากสล็อตแบบ ISO Slot และ PCL Slot แล้วก็อาจจะมีสล็อต AGP Slot ซึ่งจะมีความเร็วสูงกว่าสล็อตแบบ ISA และ PCI
4.ตำแหน่งสำหรับต่อไฟจากพาวเวอร์ซับพลาย อาจจะมีทั้งสองแบบ คือ แบบ AT และ ATX
5.รูสำหรับติดน็อตและหมุนพลาสติกยึดเมนบอร์ด
6.ตำแหน่งสำหรับต่อสายลำโพง (Speaker) สายไฟปุ่มรีเซ็ต (Reset) สายไฟแสดงการทำงานของฮาร์ดดิสก์ (Hdd Led) แต่สายเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องต่อเลยก็ได้ อาจต่อแค่สาย Speaker และ Reset ก็เพียงพอแล้ว
7.คอนโทรลเลอร์ควบคุมการทำงานของฮาร์ดดิสก์ ซีดีรอมไดร์ฟและฟล็อบปี้ดิสก์ไดร์ฟจะถูกออกแบบให้มีความสามารถมากขึ้น เช่น รองรับอัตราการรับส่งข้อมูลที่ 33 Mb/วินาที หรือ Ultra DMA 33
8.ตำแหน่งสำหรับต่อสายพอร์ตเครื่องพิมพ์ เมาส์ หรือ Com1 Com2 ส่วนเมนบอร์ดแบบ ATX ตัวพอร์ตเครื่องพิมพ์ เมาส์ Com1 Com2 จะถูกเชื่อมติดต่อเข้ากับเมนบอร์ด ทำให้สะดวกมากยิ่งขึ้นไม่ต้องต่อสายอะไรให้วุ่นวาย
เมนบอร์ดแบบ Socket 370
เมนบอร์ด Socket 370 ถูกออกแบบมาสำหรับซีพียอินเทล Celeron แบบ PPGA ลักษณะจะคล้ายแบบ Socket 7 มาก แตกต่างกันมีมุมตัดSocket 370 จะมีมุมตัด 2 มุม ส่วน Socket 7 จะมีมุมเดียวสำหรับส่วนประกอบอื่นๆ ก็ไม่แตกต่างกันมาก ที่มีมาหลักๆ เช่น ระบบความเร็วของบัสเป็น 100 MHz หรือสูงกว่าสล็อต (Slot)
เมนบอร์ดแบบ Socket 370
เมนบอร์ดแบบ Slot I
เป็นเมนบอร์ดที่มีความหลากหลายมากบอร์ดหนึ่ง สำหรับซีพียูอินเทล Pentium II/III และ Celeron บางรุ่นมีการเพิ่มคุณสมบัติใหม่ๆ เข้ามา เช่น Ultra ATA-66 หรือความสามารถในการรับส่งข้อมูลได้เร็วถึง 66 MB/วินาที รองรับระบบบัสถึง 133 MHz บอร์ดบางรุ่นจะมีทั้งการ์ดจอ การ์ดเสียงการ์ดเน็ตเวิร์ค การ์ดโมเด็มในตัว (On board)
เมนบอร์ดรุ่น Slot I
ลักษณะทั่วไป
1.CPU Speed Set up เป็น DIP Switch สำหรับกำหนดความเร็วทำงานภายนอกของซีพียู
2.Frequency Ratio เป็น DIP Switch สำหรับกำหนดตัวคูณหรืออัตราความถี่ของซีพียู
3.ตำแหน่งสำหรับต่อสายลำโพง (Speaker) สาย (Reset) สายไฟแสดงการทำงานของฮาร์ดดิสก์ (Hdd Led) แต่สายเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องต่อเลยก็ได้ อาจต่อแค่สาย Speaker และ Reset ก็เพียงพอแล้ว
4.Powet Connector ตำแหน่งสำหรับต่อสายไฟพาวเวอร์ซัพพลาย ซึ่งเป็นแบบ ATX
5.PS2 Mouse/Key Board Connector ตำแหน่งไว้สำหรับต่อเมาส์และคีย์บอร์ดแบบ PS/2 จะอยู่ติดกัน
6.USB Port (Universal Serial Bus) ตำแหน่งหรือพอร์ตแบบ USB ซึ่งเป็นพอร์ตแบบใหม่ที่มีความเร็วสูงและสามารถต่อพ่วงอุปกรณ์เข้าด้วยกันได้ถึง 127 ชิ้น
7.LPT/Com1/Com2 ตำแหน่งหรือพอร์ตสำหรับเครื่องพิมพ์ Com1 Com2 สำหรับเมาส์แบบ Serial และโมเด็ม
8.Slot I (สล็อตวัน) สำหรับติดตั้งซีพียู
9.CPU Cooling Fan Power Connector ตำแหน่งไว้สำหรับต่อพัดลมซีพียู นอกจากพัดลมสำหรับซีพียูแล้ว ยังมีอีก 2 ส่วน คือ ส่วน Power Fan Power Connector และ System Fan Power Connector ซึ่งไม่จำเป็นต้องต่อพัดลมก็ได้ พัดลมสำหรับซีพียูตัวเดียวก็พอแล้ว
10.Primary/Secondary IDE Port ตำแหน่งสำหรับต่อสาย Primary IDE และ Seccondary IDE เพื่อควบคุมการทำงานของฮาร์ดดิสก์และซีดีรอมไดร์ฟ
11.Floppy Port ตำแหน่งสำหรับต่อสายข้อมูลกับฟล็อปปี้ดิสก์
12.Battery เป็นแบตเตอรี่สำหรับจ่ายไฟให้กับเมนบอร์ด เพื่อให้นาฬิกาในเครื่องทำงาน
เมนบอร์ดแบบอื่นๆ
สำหรับเมนบอร์ดแบบอื่นๆ นอกเหนือจากที่กล่าวมา ก็มีเมนบอร์ดแบบ Slot A สำหรับซีพียูของ AMD คือ K7 หรือ Athlon เป็นซีพียูที่มีความเร็วสูงมีให้เลือกหลายรุ่น เช่น 500, 550, 600, 650, 700 MHz เป็นต้น บางรุ่นผลจากการทดสอบการทำงานมีการทำงานได้เร็วกว่าซีพียูของอินเทลอีกถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากสำหรับผู้ชอบเล่นเกมส์และโปรแกรมกราฟิก สำหรับส่วนประกอบของเมนบอร์ดแบบนี้ ก็ไม่แตกต่างกันมากนัก จะแตกต่างกันเฉพาะงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง เช่น เมนบอร์ดซ็อกเก็ต 8 สำหรับซีพียูของอินเทล คือ Pentium Pro
เมนบอร์ด (MainBoard) สิ่งที่ส่งผลต่อการทำงานของเครื่องพีซีนอกจากซีพียูแล้วยังรวมถึงโครงสร้างหลักอื่นๆอิก ยกตัวอย่างเช่น เมนบอร์ด ซึ่งประกอบไปด้วยอุปกรณ์และระบบบัสต่างๆ
ที่สำคัญ อยู่มากมาย นอกจากนี้ก็ยังมีความแตกต่างกันไปตามรูปแบบของเมนบอร์ด หรือเราเรียกว่า “ ฟอร์มแฟกเตอร์ ” (Form Factor) ซึ่งหมายถึง ขนาดของตัว
เมนบอร์ดและ ตำแหน่งของขั้วต่ออุปกรณ์ภายนอกต่าง ๆ โดยมีผลต่อชนิดของตัวเครื่อง (case) ที่ใช้ด้วย ในที่นี้จะขอกล่าวถึงรูปแบบต่างๆของเมนบอร์ดเฉพาะที่มีขาย
อยู่ในปัจจุบัน และแนวโน้มของเมนบอร์ดรุ่นใหม่ๆในอนาคตเท่านั้น
ที่สำคัญ อยู่มากมาย นอกจากนี้ก็ยังมีความแตกต่างกันไปตามรูปแบบของเมนบอร์ด หรือเราเรียกว่า “ ฟอร์มแฟกเตอร์ ” (Form Factor) ซึ่งหมายถึง ขนาดของตัว
เมนบอร์ดและ ตำแหน่งของขั้วต่ออุปกรณ์ภายนอกต่าง ๆ โดยมีผลต่อชนิดของตัวเครื่อง (case) ที่ใช้ด้วย ในที่นี้จะขอกล่าวถึงรูปแบบต่างๆของเมนบอร์ดเฉพาะที่มีขาย
อยู่ในปัจจุบัน และแนวโน้มของเมนบอร์ดรุ่นใหม่ๆในอนาคตเท่านั้น
แบบ ATX, Micro ATX และ Flex ATX
เมนบอร์ดแบบ ATX นั้นถือได้ว่าเป็นมาตรฐานที่มีใช้กันมานานและได้รับความนิยมอย่างสูงตั่งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งก็ได้รับการพัฒนาให้มีขนาดเล็กลงเพื่อให้
เหมาะสมกับเคสขนาดเล็กที่จะช่วยให้ประหยัดพื้นที่และค่าใช้จ่าย โดยลดจำนวนบางอย่างเช่น PCI Slot บนเมนบบอร์ดลงไปพร้อมกับนำเอาอุปกรณ์บางอย่างเช่น
การ์ดเสียง มาบรรจุลงบนตัวเมนบอร์ดอยู่ในรูปแบบขอออองชิปเสียงทำให้กลายเป็นเมนบอร์ดขนาดกะทัดรัดที่มีคุณสมบัติต่างครบถ้วน เช่น เมนบอร์ดแบบ Micro ATX
และ Flex ATX
เมนบอร์ดแบบ ATX นั้นถือได้ว่าเป็นมาตรฐานที่มีใช้กันมานานและได้รับความนิยมอย่างสูงตั่งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งก็ได้รับการพัฒนาให้มีขนาดเล็กลงเพื่อให้
เหมาะสมกับเคสขนาดเล็กที่จะช่วยให้ประหยัดพื้นที่และค่าใช้จ่าย โดยลดจำนวนบางอย่างเช่น PCI Slot บนเมนบบอร์ดลงไปพร้อมกับนำเอาอุปกรณ์บางอย่างเช่น
การ์ดเสียง มาบรรจุลงบนตัวเมนบอร์ดอยู่ในรูปแบบขอออองชิปเสียงทำให้กลายเป็นเมนบอร์ดขนาดกะทัดรัดที่มีคุณสมบัติต่างครบถ้วน เช่น เมนบอร์ดแบบ Micro ATX
และ Flex ATX

เป็นเมนบอร์ดที่ได้รับความนิยมอย่างสูงโดยทั่วไปจะมีสล็อตแบบ PCI 5-6 สล็อต , AGP 1 สล็อต และช่องเสียบ RAM ขึ้นอยู่แต่ละ ยี่ห้อ เป็นต้น รวมถึงคอนเน็กเตอร์ต่างๆก็แยกเป็นสีติดอยู่กับตัว เมนบอร์ดทางด้านหลังเลย

เมนบอร์ดแบบ Micro ATX
เป็นเมนบอร์ดสำหรับผู้ใช้ต้องการความประหยัด และต้องการนำไปใช้แบบทั่ว ๆ ไปอุปกรณ์ส่วนใหญ่มักเป็นแบบออนบอร์ด เช่น การ์ดจอ การ์ดเสียงและการ์ดแลน
จึงลดจำนวน สล็อต PCI เหลือแค่ 3-4 สล็อตเท่านั้น

เป็นเมนบอร์ดสำหรับเครื่องขนาดเล็กกะทัดรัด ทำให้ประหยัดเนื้อที่บนโต๊ะ โดยลดลงจำนวนสล็อต PCI ลงอีกจนเหลือเพียงแค่ 2-3 สล็อตเท่านั้น อุปกรณ์ที่ใช้แทบ
ทุกอย่างจะเป็นแบบออนบอร์ด ปัจจุบันจะเป็นที่นิยมใช้กันมากตามบริษัทหรือหน่วยงานเอกชนต่างๆที่ต้องการประหยัดพื้นที่ในการทำงาน

BTX (Balanced Technology Extended) เป็น Form Factor หรือรูปแบบของเมนบอร์ด มาตรฐานใหม่ของ อินเทลที่กำลังจะออกมาในเร็วๆนี้ซึ่งนอกจากจะประกอบด้วย Socket T หรือ LGA 755 แบบใหม่สำหรับซีพีอยู่ในตระกูล Prescott แล้ว ก็ยังพ่วงเทคโนโลยีใหม่เช่นการใช้หน่วยความจำ DDR II และสล็อตแบบ PCI Express ซึ่งทุกออกแบบมา แทนสล็อตเดิมๆแบบ PCI และ AGP โดย PCI Express x1 ( ที่มาแทนที่ PCI เดิม ) จะมีอัตราการรับส่งข้อมูลที่สูงถึง
250 MB/s ในแบบทิศทางเดียว (Half-Duplex) หรือ 500MB/s ในแบบสองทิศทาง (Half-Duplex) ขณะที่ PCI Slot เดิมนั้นมีอัตราการรับส่งข้อมูลเพียง
132 MB/s เท่านั้น ส่วน PCI Express x16( ที่ออกแบบให้มาแทน AGP 8x ในปัจจุบัน ) จะมีอัตรารับส่งข้อมูลถึง 4 GB/s เท่านั้น (Half-Duplex) หรือ
8 GB/s(Full-Duplex) ขณะที่ AGP 8x เดิมนั้นมีอัตราการรับส่งข้อมูลเพียง 2GB/s เท่านั้น
เมนบอร์ดแบบ BTX ได้ปรับปรุงการระบายความร้อนภายในตัวเครื่องรวมถึงซีพียูด้วยโดยแยกจุดที่เกิดความร้อนสุงออกจากัน และเพิ่มตัวกระจายความร้อน (Thermal Module) ซึ่งอาจมีตัวยืดกับเคสหรือ SRM (Support and retention Module) ด้วย
Form Factor แบบ BTX นี้ทั้งหมด 3 แบบคือ
- Standard BTX ขนาด 12.8”x10.5” จะมีสล็อต PCI 32 บิตแบบเดิมอยู่ประมาณ 4 สล็อต , PCI Express x1 มี 2 PCI สล็อด
และ PCI Express x16 อิก 1 สล็อด - Micro BTX ขนาด 10.4” x10.5” จะมี PCI Slot 32 บิตแบบเดิมอยู่ 1 สล็อด , PCI Express x1 มี 2 สล็อด และ PCI Express x16
อิก 1 สล็อด - Pico BTX ซึ่งจะมีแต่ PCI Express x1 และ x16 อย่างละหนึ่งสล็อดเท่านั้น
<ชนิดของเมนบอร์ด<
เมนบอร์ดมีแบ่งออกเป็น 2 ประเภทได้แก่
1. เมนบอร์ดแบ่งตามโครงสร้าง
เมนบอร์ดประเภทนี้ได้แบ่งออกเป็นตามลักษณะโครงสร้าง ขนาดและรูปร่าง
มาตรฐาน ได้แบ่งออกเป็นหลายรูปแบบและมีลักษณะโครงสร้างที่แตกต่างกันดังรายละเอียด ดังต่อไปนี้
ชนิดของเมนบอร์ด
|
ลักษณะโครงสร้าง
|
AT
|
มีลักษณะเป็น สี่เหลี่ยมผืนผ้า ขั้วรับไฟมี 12 ขา สำหรับใช้กับเคสแบบAT การเปิดปิดเครื่องผ่านเมนบอร์ดประเภทนี้จะต้องใช้สวิทซ์ควบคุม ไม่สามารถปิดเปิดโดยใช้คีย์บอร์ดหรือการสั่ง Shutdown ผ่านวินโดวส์ได้
|
ATX
|
เป็นเมนบอร์ดของบริษัทอินเทลมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีขนาดเล็กกว่าAT มีขั้วรับไฟ 20 ขา เป็นเมนบอร์ดที่ถูกออกแบบมาให้ซีพียูและหน่วยความจำอยู่ใกล้เคียงกัน ทำให้เครื่องสามารถทำงานร่วมกันได้ดี มีพัดลมระบายอากาศอยู่ใกล้ซีพียูทำให้ระบายความร้อนได้ดี มีการกำหนดสีสำหรับต่ออุปกรณ์ต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการจำและเป็นมาตรฐานเดียวกัน การเปิดปิดผ่านโปรแกรมวินโดว์ได้ เมนบอร์ดประเภทนี้เหมาะกับเคสชนิด ATXเหมือนกัน
|
Micro ATX
|
มีลักษณะรูปร่างเหมือนกับแบบ ATX มีจำนวนสล๊อตน้อยกว่า เพื่อให้ราคาถูกเหมาะสำหรับการปฏิบัติงานที่ไม่มีการเพิ่มอุปกรณ์เช่น การ์ดต่างๆ ในเมนบอร์ด
|
Flex ATX
|
มีลักษณะรูปร่างที่มีขนาดเล็กที่สุด สำหรับใช้กับเครื่องขนาดเล็กทำให้ประหยัดเนื้อที่ เมนบอร์ดประเภทนี้ มักจะประกอบไปด้วยอุปกรณ์Onboard เช่น การ์ดจอ การ์ดเสียงและการ์ดโมเด็มมาด้วยกัน
|
|



รูปที่ 2.1 เมนบอร์ด
2. เมนบอร์ดแบ่งตามช๊อคเก็ตใส่ซีพียู
เมนบอร์ดประเภทนี้ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับซีพียูแต่ละรูปแบบ เหตุผลซีพียูในปัจจุบันได้ผลิตรูปแบบและโครงสร้างไม่เหมือนกัน ทำให้ซ๊อกเก็ตใส่ซีพียูจึงไม่เหมือนกัน เมนบอร์ดในปัจจุบันที่แบ่งตามซ็อคเก็ตใส่ซีพียูได้ดังต่อไปนี้
ชนิดเมนบอร์ด
|
ซีพียู/รุ่นที่ใช้
|
จำนวนขา
|
Socket 7
|
- Pentium ผลิตรุ่นหลัง Pentium MMX, AMD K5
|
296/321
|
Socket 370
|
- Pentium III(coppermine) ความเร็วไม่เกิน600 MHZ
- Celeron(รุ่นใหม่)
- Cyrix II
|
370
|
Socket A
|
- AMD Thunderbird(Athlon รุ่นใหม่)
- AMD Duron
|
462
|
Socket 423
|
- Pentium 4(Willamette)
|
423
|
Socket 478
|
- Pentium 4(Northwood)
|
478
|
Slot A
|
- AMD Athlon(รุ่นเก่า)
|
242
|
Slot 1
|
- Pentium III(coppermine) รุ่น 600 MHZขึ้นไป
|
242
|
7ระบบบัสและสล๊อตของเมนบอร์ด7
ความเร็วในการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ขึ้นอยู่กับซีพียู และส่วนประกอบอื่นๆ เพราะการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ต้องมีการส่งข้อมูล คำสั่งผ่านไปมาระหว่างอุปกรณ์ บนเมนบอร์ดและอุปกรณ์ภายนอกเครื่องคอมพิวเตอร์โดยอาศัยบัสเป็นช่องทางเดิน ความเร็วอุปกรณ์ของอุปกรณ์จึงมีส่วนในการประมวลผลของเครื่องพิวเตอร์ช้าหรือเร็วด้วย ความเร็วของระบบบัสมีความเร็วระหว่าง 66-133 MHz ระบบบัสมีการพัฒนาการมาเรื่อยตั้งแต่ AT-Bus, EISA , MCA, VL-Bus, PCI, AGP ดังรายละเอียดต่อไปนี้
ชนิดของบัส
|
อัตราการรับส่งข้อมูล(บิต)
|
ความเร็ว(MHz)
|
ISA
|
16
|
8
|
EISA
|
32
|
8
|
MCA
|
32
|
10
|
VESA
|
32
|
33
|
PCI
|
32/64
|
33
|
AGP
|
64
|
66
|
: ระบบบัสแบบ PCI(Peripheral Component Interconnect) :
เป็นระบบบัสแบบ PCIแทนที่ VL-bus พัฒนาโดยบริษัท Intel ใช้ชิปเซ็ตสำหรับควบคุมบัส ทำให้เพิ่มความเร็วให้กับอุปกรณ์เพิ่มมากขึ้น มีมาตรฐานความเร็วในการส่งผ่าน
ข้อมูลที่ 33 MHz มีอัตราการรับส่งข้อมูลเป็น 133 MB/sec ต่อมาได้พัฒนาสล๊อตและบัส PCI ความเร็วสูงขึ้น โดยเพิ่มความกว้างบัสเป็น 64 บิตและเพิ่มความเร็วเป็น 66 MHz ทำให้ได้อัตราการรับส่งข้อมูลเพิ่มเป็น528 MB2/sec ปัจจุบันได้พัฒนาการด้านความเร็วของบัสมากกว่าที่กล่าวมา
|
|
|
|
: ระบบบัสแบบ AGP(Accelerated Graphic Port) :
เป็นระบบบัสที่ผลิตโดยบริษัท Intel เพื่อรองรับการประมวลผลทางด้านกราฟิกสูง มีความเร็วคือ 66-266 MHZ การผลิตบัสชนิดนี้ได้วางไว้ใกล้กับซีพียูเพื่อความรวดเร็วในการส่งผ่านข้อมูล โดยมากบนเมนบอร์ดจะมีสล๊อตแบบ AGP มาให้เพียงชุดเดียว
: ชิปเช็ต :
ชิปเซ็ตเป็นส่วนประกอบสำคัญของเมนบอร์ด ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของส่วนต่างๆ และเป็นศูนย์กลางที่ทำให้อุปกรณ์ต่างๆ บนเมนบอร์ดสามารถทำงานร่วมกันได้อย่าง
มีประสิทธิภาพ ชิปเซต 2 ตัวแรก ได้แก่
1. North Bridge ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมอุปกรณ์ที่ทำงานด้วย
ความเร็วสูงได้แก่ ซีพียู แรม และการ์ดแสดงผล
2. South Bridge ทำหน้าที่ควบคุมอุปกรณ์ความเร็วต่ำได้แก่อุปกรณ์
ฟล๊อปปี้ดิสก์ คีย์บอร์ด เมาส์ ฮาร์ดดิสก์
มีบริษัทที่ผลิตซีพียูได้แก่ Intel และAMD ได้ผลิตชิปเซ็ตเพื่อรองรับซีพียูด้วย นอกจากนั้นได้มีบริษัทที่ผลิตชิปเซ็ต การผลิตชิปเซ็ตในปัจจุบันได้รวมเอาการแสดงผลกราฟิกรวมเข้าไปด้วย พร้อมกับรองรับการทำงานกับหน่วยความจำแบบใหม่คือ DRSDRAM และ RDRAM ซึ่งมีความเร็วในการทำงานสูงกว่า SDRAM ถึงเท่าตัว
ชิปเซ็ตของ Intel


รูปที่ 2.2 ชิปเซ็ต Intel
ปัจจุบันชิปเซ็ตบริษัท Intel ได้ผลิตชิปเซ็ตที่ประกอบไปด้วยไอซี 2 ตัวได้แก่ North Bridge หรือ System Controller และ South Bridge หรือ PCI to ISA Bridge ปัจจุบันได้ใช้สถาปัตยกรรมใหม่ที่เรียกว่า Accelerated Hub Architecture โดยเพิ่มชิปเซ็ตจาก 2 ตัวเป็น 3 ตัว มีหลักการทำงานดังนี้คือ
Graphic & Memory Controller Hub(GMCH) ซึ่งทำงานคล้ายชิป North Bridge เดิม โดย GMCH มีอยู่ในชิปเซ็ต i810 ซึ่งมีชิปแสดงผลกราฟิกอยู่ในตัว ต่อมาได้ตัดส่วนของการแสดงผลกราฟิกออกเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้การ์ดกราฟิกได้ตามต้องการ จึงเปลี่ยนมาเรียกว่า MCH ซึ่งทำหน้าที่เชื่อมต่อกับส่วนสำคัญภายในเครื่องได้แก่ ซีพียู หน่วยความจำ ส่วนแสดงผลกราฟิกและ I/O Controller Hub การประมวลผลได้ผ่านระบบบัสความเร็วสูง
I/O Controller Hub หรือ ICH ทำหน้าที่คล้ายกับชิปเซ็ต
South Bridge เดิมแต่มีความกว้างช่องทางสื่อสารสูง มีประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้น ICH ได้แก่ 82801AA 82801BA และ 82801AB
FirmWare Hub หรือ FWH เป็นชิปที่เพิ่มจากโครงสร้างเดิม
ซึ่งไม่มีการติดต่อกับอุปกรณ์ภายนอกเหมือน MCH และ ICH ชิปนี้ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของชิปเช็ต
ชิปเซ็ตของ VIA
VIA เป็นผู้ผลิตชิปเซ็ตสำหรับซีพียูช๊อคเก็ต 7 และช๊อคเก็ต 370 ได้แก่ Apollo Pro 133 ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้
1. North Bridge ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของอุปกรณ์
ความเร็วสูงเช่น ซีพียู หน่วยความจำแคช หน่วยความจำ RAM ระบบบัสแบบ AGP และระบบบัสแบบ PCI
2. South Bridge ชิปเซ็ตของ VIA เป็นชิปที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อ
ระหว่างบัส PCI กับอุปกรณ์ความเร็วต่ำได้แก่ พอร์ต USB ระบบบัส ISA IDE Controller ROM BIOS ฟล๊อปปี้ดิสก์ คีย์บอร์ด เมาส์แบบ PS/2 พอร์ตอนุกรม พอร์ตขนาน เป็นต้น


รูปที่ 2.3 ชิปเซ็ต VIA
ชิปรอมไบออสและแบตเตอรีแบ็คอัพ
ชิปรอมไบออส BIOS ย่อมาจาก Basic Input Output System เป็นชิปประเภทซีมอส(CMOS) เป็นหน่วยความจำที่ใช้เก็บโปรแกรมประเภทไบออสและเป็นส่วนที่ใช้ในการบู๊ตเครื่อง สามารถเปลี่ยนแปลงค่าได้ตามต้องการ ชิปประเภทนี้มีด้วยกันหลายยี่ห้อได้แก่ Award AMI และ Phoenix
แบตเตอรีแบ็คอัพ โดยทั่วไปเรียกว่าถ่านซึ่งมีลักษณะคล้ายกระดุมแบตเตอรี่นี้ได้ ถูกผลิตจากลิเธียม มีหน้าที่ในการจ่ายไฟให้กับชิปซีมอสและวงจรนาฬิกาบนเมนบอร์ด ตลอดเวลา หากต้องการล้างค่าดังกล่าวทำได้โดยการถอดแบตเตอรีออกหรืออีกวิธีหนึ่งคือให้ถอดจัมเปอร์เสียงระหว่างขาที่มีตัวอักษรกำกับไว้ว่า Clear CMos ในการถอดให้ถอดโดย ใช้เวลาประมาณ 3-5 นาที จากนั้นให้นำจัมเปอร์มาเสียบตำแหน่งเดิม หากแบตเตอรี่หมด โดยสังเกตจากวันที่ในเครื่องแสดงวันเวลาผิดไป แม้จะตั้งค่าให้ถูกต้องแล้วให้เปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่และตั้งค่าวัน เวลาใหม่
|
รูปที่ 2.4 แบตเตอรีแบ็คอัพ
พอร์ต
พอร์ตเป็นส่วนที่ใช้ในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอก เพื่อนำข้อมูลเข้าหรือออกจากเครื่องพอร์ตในเมนบอร์ด ATX จะติดมากับตัวเมนบอร์ด
![]() |
…
รูปที่ 2.5 พอร์ตต่างๆ
พอร์ตที่ใช้มีดังต่อไปนี้
1. พอร์ต PS/2 เป็นพอร์ตสำหรับต่อเมาส์บนเมนบอร์ดแบบ ATX, AT มีขาจำนวน 6 ขา หากต้องการนำเอาพอร์ตเมาส์แบบ Serial มาใช้งานกับพอร์ต PS/2 ทำได้โดยการนำเอา
อะแดปเตอร์แปลงข้อต่อ
2. พอร์ตคีย์บอร์ด เป็นพอร์ตขนาดเล็กสำหรับต่อคีย์บอร์ดมีขาสัญญาณจำนวน 6 ขาสำหรับต่อกับเมนบอร์ดแบบ ATX ส่วนพอร์ตคีย์บอร์ดที่มีขนาดใหญ่โดยการนำเอาอะแดปเตอร์แปลงข้อต่อ
3. พอร์ต USB(Universal Serial Bus) เป็นพอร์ต สำหรับต่อพ่วงอุปกรณ์ที่มีความเร็วสูงได้แก่ กล้องดิจิตอล เมาส์ สแกนเนอร์ เครื่องพิมพ์ เป็นต้น หากเป็นเครื่องรุ่นเก่า
สามารถติดตั้งพอร์ต USB เพิ่มได้ด้วยการซื้อการ์ด USB มาต่อเพิ่มทำให้สามารถใช้งาน พอร์ต USB ได้ ความเร็วในการส่งข้อมูลของพอร์ต USB เท่ากับ 12 Mbps(เมกกะบิตต่อวินาที) ปัจจุบันได้พัฒนาความเร็วมากขึ้นเป็น 480 Mbps หรือมากกว่า
4. พอร์ตอนุกรม หรือ Serial Port หรือ com Port เป็นพอร์ตสำหรับต่อพ่วงอุปกรณ์ที่มีการส่งข้อมูลแบบอนุกรม มีจำนวนขาสัญญาณ 9 ขา มีความเร็วในการส่งสัญญาณต่ำประมาณ 10 กิโลไบต์ต่อวินาที โดยส่งผ่านข้อมูลครั้งทีละบิต อุปกรณ์ต่อพ่วงประเภทนี้ได้แก่ เมาส์ โมเด็ม
5. พอร์ตขนาน หรือ Parallel Port หรือ LPT Port เป็นพอร์ตสำหรับต่อพ่วงอุปกรณ์ที่มีการส่งข้อมูลแบบขนาน มีจำนวนขาสัญญาณ 25 ขา มีการส่งผ่านข้อมูลครั้งละ 8 บิต พอร์ตขนานสำหรับต่อพ่วงอุปกรณ์ได้แก่ เครื่องพิมพ์ สแกนเนอร์
อุปกรณ์ประเภท Onboard
การผลิตเมนบอร์ดที่ใช้ชิปเซ็ตบางรุ่นได้รวมเอาส่วนต่างๆ ของอุปกรณ์ไว้บนเมนบอร์ดได้แก่ ชิปเซ็ต i810 ของ Intel ได้รวมการแสดงผลกราฟิกไว้ในตัว และชิปเช็ตของ SiS มีการแสดงผลกราฟิก เสียง โมเด็มและLAN เป็นต้น อุปกรณ์ onboard มีรายละเอียดดังนี้
การ์ดจอ onboard มีสายสัญญาณจำนวน 15 Pin สำหรับต่อกับคอนแน็คเตอร์บนเมนบอร์ด เป็นการ์ดที่อยู่ภายใต้ชิปเซ็ต i810 ของ Intel และในชิปเซ็ตรุ่น SiS620, SiS630 และ SiS640 ของ SiS
การ์ดเสียง onboard มีสายสัญญาณจำนวน 25 Pin สำหรับต่อกับคอนแน็คเตอร์ บนเมนบอร์ดเป็นการ์ดที่อยู่ภายใต้ชิปเซ็ต SiS ด้านหลังการ์ดนี้จะมีช่องต่อ line in, line out, microphone และportgame
การ์ดโมเด็ม onboard หรือ Fax/Modem Module มีสายสัญญาณจำนวน 16 Pin เป็นการ์ดที่อยู่ภายใต้ชิปเซ็ต SiS ด้านหลังการ์ดมีช่องสำหรับเสียบสายโทรศัพท์บ้านเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์และอีกด้านหนึ่งสำหรับต่อพ่วงเครื่องโทรศัพท์
การ์ด LAN onboard การ์ด LAN มีสายสัญญาณจำนวน 9 Pin สำหรับต่อกับ คอนแน็คเตอร์บนเมนบอร์ด เป็นการ์ดที่อยู่ภายใต้ชิปเซ็ต SiS การ์ด LAN สำหรับเสียบที่ คอนแน็คเตอร์บนเมนบอร์ดหลังจากเสียบเรียบร้อยให้ขันน๊อตยึดให้แน่น










